Cabbage Land

ทริปนี้ไปกับเพื่อนที่ทำงานกันสามคน ไปแบบง่ายๆไม่ต้องหยุดงาน

Day 1

ทริปนี้เริ่มต้นด้วยความไม่สบาย ก่อนไปหนึ่งวันก็รู้สึกปวดท้อง ปวดไม่มากเหมือนท้องอืดๆ กินยาพวกขับลมไปแล้วก็ไม่หาย ด้วยความที่คิดว่าไม่น่ามีอะไรก็เลยตัดสินใจออกเดินทาง ซึ่งหารู้ไม่ว่าอาการปวดท้องนี้ ไม่ได้ดีขึ้นเลย มีแต่แย่กับแย่ลง ออกจากกรุงเทพฯวันศุกร์เย็น พวกเราเช่ารถขับกันไปเอง ไปถึงดึกๆนอนพักในเมืองก่อนที่จะออกมาเที่ยวในตอนเช้า

Day 2

จุดแรกที่แวะโดยบังเอิญเป็นร้านกาแฟ  Pino Latte ที่เขาค้อ ที่นี่เป็นจุดชมวิวที่สวยมาก มองเห็นวิวได้โดยรอบ เหมาะแก่การมาชมวิวเหนือสิ่งอื่นใด จุดต่อไปคือวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว วัดดังของเขาค้อ วัดนี้มีความสวยงาม จุดเด่นอยู่ที่พระพุทธรูปซ้อนๆกันหลายๆองค์ และเจดีย์ที่ประดับด้วยถ้วยกระเบื้องและหินสีสันสดใส ทั้งสองจุดนี้ ไม่ต้องพูดถึงจำนวนคน คนเยอะมากถึงมากที่สุดทั้งสองจุด

แวะกินข้าวกลางวันที่ร้านส้มตำ อาการปวดท้องเริ่มกำเริบ กินไปปวดไป แถมยังไม่ได้พกยามาอีก แถวนั้นมีปั๊มน้ำมันอยู่ร้านเดียว โชคดีเข้าไปตามหาได้ยาธาตุน้ำขาวมาหนึ่งขวด กินยาไปเรื่อยๆอาการปวดท้องก็ไม่ค่อยทุเลา

มุ่งหน้ากันต่อสู่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ที่นี่มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติผาหินปุ่ม ผาชูธง ระยะทางโดยรอบประมาณ 4 กม. ระหว่างทางก็มีจุดต่างๆให้แวะถ่ายรูป เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่แนะนำมากสำหรับคนทุกเพศทุกวัย วิวรอบๆสวยมาก ทางเดินเดินง่ายๆไม่เหนื่อย ขนาดปวดท้องมาก ยังสามารถเดินตัวงอได้จนครบทั้งเส้นทาง เดินๆไปสักพักฝนก็เริ่มตกปรอยๆ โชคดีตกไม่หนักเลยถือเป็นการทำให้บรรยากาศในการเดินสบาย ชุ่มชื้นไม่ร้อน

 

ออกจากลานหินปุ่มพวกเรามุ่งหน้าสู่ภูทับเบิก ไปถึงตอนเย็น เห็นแล้วอยากจะกรีดร้องและตกใจเป็นอย่างมาก คนเยอะแบบเยอะที่สุดกว่าทุกๆที่ที่เคยไปมา ทางขึ้นภูรถติดยาว ที่จอดรถก็ลำบากมาก คนเดินไปมาขวักไขว่เต็มถนน มีแต่ความวุ่นวาย ด้วยความที่ไม่ได้ดูข้อมูลก่อนมา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าภูทับเบิกคืออะไร เพื่อนชวนมาก็มา พอมาถึงจริงก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เต๊นท์ที่จองไว้ถูกจัดเรียงรายไว้ท่ามกลางคนอีกเป็นพันๆคน บรรยากาศก็ดูตลกดีพิลึก มองไปทางไหนก็เห็นแต่เต๊นท์และคนมากมาย ในความงุนงงก็ยังมีความโชคดีอยู่บ้างเต๊นท์ที่พักยังอยู่บนเนินหันหน้าออกไปทางไร่ผักกะหล่ำปลี ทำให้สามารถออกไปยืนมองให้เจอความสงบได้บ้าง พอเก็บของเสร็จก็ได้เวลาออกไปเดินดูหาของกิน ตอนนี้ท้องเริ่มปวดมากขึ้นอีก ได้แต่เดินตัวงอ ไปนั่งตัวงอกินข้าว มองไปรอบๆไม่ว่าที่ไหนก็มีแต่คน มีแต่ความวุ่นวาย เสียงดัง บางร้านก็เปิดเพลง เต๊นท์ด้านบนนี่เหมือนใครอยากวางตรงไหนก็วาง หลังจากกลับมาผ่านมาปีกว่าๆได้ยินข่าวว่าเค้ามีการแก้ไขปัญหาการครอบครองและใช้ประโยชน์ ห้ามไม่ให้มาเปิดรีสอร์ทนู้นนี่ รู้สึกดีใจมาก และรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่สมควรทำที่สุด อาจเป็นเพราะไม่เคยมาเที่ยวแบบนี้ เคยไปแต่อุทยาน ซึ่งมีระเบียบ มีการจัดการอยู่บ้าง พอขึ้นมาตรงนี้ไม่มีระเบียบอะไรเลย เลยรู้สึกงงมาก หลังกินข้าวเสร็จปวดท้องมากเลยตัดสินใจไม่เดินไปไหน ขอตัวเข้าไปนอนพักก่อน

เช้าตื่นมา ความวุ่นวายน้อยลงกว่าตอนเย็นมาก อาการปวดท้องยังอยู่ พวกเราเดินไปที่จุดชมวิว ดูพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอก อากาศเย็นกำลังสบาย ไม่หนาวเกินไปไม่ร้อนเกินไป ทะเลหมอกแน่นขนัดเต็มท้องฟ้า พอๆกับจำนวนผู้คนที่อยู่รอบๆ พอพระอาทิตย์ขึ้นพวกเราก็กลับมาเก็บของเตรียมตัวขับรถกลับบ้าน

   

ระหว่างทางกลับแวะกินไก่ย่างวิเชียรบุรี เห็นมีอยู่หลายร้านเลย พวกเราเลือกกินที่ร้านตาแป๊ะ 2 รสชาติใช้ได้ ต่อด้วยการซื้อของฝากที่ไร่กำนัลจุล ที่นี่ดีมาก มีผลิตภัณฑ์การเกษตรที่ดูมีคุณภาพให้เลือกซื้อเยอะแยะเลย เลยซื้อมาได้เป็นคันรถ พอกลับถึงกรุงเทพฯให้เพื่อนแวะส่งที่โรงพยาบาลเลย เนื่องจากอาการปวดท้องไม่ดีขึ้น ตรวจพบเจอในวันรุ่งว่ามีช็อคโกแล็ตซีสต์ในรังไข่รั่ว ต้องทำการผ่าตัดทันที ถือว่าเป็นการได้ไปเที่ยวก่อนผ่าตัดและพักยาว

NooChan Written by:

Journey diary for a forgetful person, like myself!!

Comments are closed.